เนื้อหาพิเศษสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และนักศึกษา
อาหารลดน้ำหนักและโปรแกรมการออกกําลังกายมีประสิทธิภาพในการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด (ILI) ในโรคอ้วนและในโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (T2D) ดังที่ได้แสดงไว้ในรูปที่ 1 คำแนะนำทางคลินิกจากสมาคมการแพทย์ชั้นนำทั้งหมด เช่น องค์กรโรคเบาหวานแห่งแคนาดา (Diabetes Canada) สมาคมโรคเบาหวานแห่งสหรัฐอเมริกา (American Diabetes Association) องค์กรโรคอ้วนแห่งแคนาดา (Obesity Canada) และสมาคมโรคหัวใจแห่งยุโรป (European Society of Cardiology) เน้นย้ำว่ารูปแบบการดําเนินชีวิตและโภชนาการคือหัวใจสําคัญในการจัดการโรคเบาหวาน1-6
เมื่อเปรียบระหว่างการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานเพียงอย่างเดียวกับการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด เกิดผลลัพธ์ในการบำบัดผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อย่างไร ในปัจจุบันการศึกษาวิจัยที่สําคัญสองการศึกษา ได้แก่ การวิจัย Look AHEAD และโปรแกรม Why WAIT ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ว่าการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวดและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานสามารถส่งผลต่อการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และผลลัพธ์ด้านระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ดีขึ้นในโรคเบาหวานชนิดที่ 27-9 ในบทความนี้ เราจะมาดูวิธีการนำการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตมาใช้ในเวชปฏิบัติ โดยอิงจากผลการศึกษาวิจัยที่สำคัญสองโครงการ
การวิจัยนี้ได้ทำการประเมินการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวดเปรียบเทียบกับการสนับสนุนและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน (diabetes support and education: DSE) ในผู้ใหญ่จํานวน 5,145 รายซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินและผู้ใหญ่ที่เป็นโรคอ้วนและป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ร่วมด้วย โดยมีค่าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 25 กก./ม.² (มากกว่าหรือเท่ากับ 27 กก./ม.² สําหรับผู้ป่วยที่ใช้อินซูลิน) ผู้เข้าร่วมการวิจัยได้รับการสุ่มเพื่อเข้ากลุ่มการรักษาด้วยการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวดหรือการสนับสนุนและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน กลุ่มการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด มุ่งเน้นไปที่การจํากัดแคลอรี (1,200–1,800 กิโลแคลอรี/วัน) รับประทานอาหารทดแทนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ออกกําลังกายเป็นเวลา 175 นาทีต่อสัปดาห์ และใช้กลยุทธ์ด้านพฤติกรรม โดยมีช่วงเวลาเข้ารับการสนับสนุนแบบรายบุคคลและแบบ กลุ่มบ่อย ๆ ในทางตรงกันข้าม กลุ่มการสนับสนุนและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน เข้าร่วมการให้ความรู้แบบกลุ่มประจําปีเพียง 3 ครั้ง โดยไม่มีกลยุทธ์ด้านพฤติกรรมหรือการให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล7,8
โปรแกรมนี้ใช้การรักษาโดยการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวดร่วมกับ ทีมสหสาขาวิชาชีพเป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ในผู้ใหญ่จํานวน 590 รายที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 และมีดัชนีมวลกายระหว่าง 30 ถึง 45 กก./ม.² โปรแกรมนี้มุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้แบบกลุ่มเพื่อให้แนวทางในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิต โปรแกรมอาหารเฉพาะบุคคลที่อิงจากการลดปริมาณแคลอรีที่ได้รับ และการออกกําลังกาย การเปลี่ยนแปลงทางความคิดและพฤติกรรม ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนด้านจิตใจ ก็มีส่วนสําคัญด้วยเช่นกัน9
ผลการทดลองเหล่านี้วัดการประเมินผลทางคลินิกของอาหารลดน้ำหนักและโปรแกรมการออกกําลังกายอย่างเป็นระบบในการช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใกล้เป้าหมายของการหายจากโรคเบาหวานมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ การลดระดับ HbA1C ได้อย่างยั่งยืน
ดังที่แสดงในรูปที่ 2 ผู้เข้าร่วมการวิจัยในกลุ่มการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด ยังคงรักษาน้ำหนักตัวที่ลดลงเฉลี่ย 6.2% ในปีที่ 4 เปรียบเทียบกับ 0.9% ในกลุ่มการสนับสนุนและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน 7
กลุ่มการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด มีน้ำหนักลดคงที่ที่ 4.7% เทียบกับ 2.1% ในกลุ่มการสนับสนุนและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ผู้เข้าร่วมการวิจัยในกลุ่มการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด 50.3% มีน้ำหนักตัวลดลงอย่างน้อย 5% ในปีที่ 8 เทียบกับ 35.7% ของผู้เข้าร่วมการวิจัยในกลุ่มการสนับสนุนและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ผู้เข้าร่วมการวิจัยในกลุ่มการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด 26.9% ยังคง มีน้ำหนักตัวลดลง 10% เทียบกับ 17.2% ในกลุ่มการสนับสนุนและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน8
ผู้เข้าร่วมการวิจัยมีน้ำหนักลดลงเฉลี่ย 7.9% ในช่วง 12 สัปดาห์ การวิจัยนี้แสดงการลดลงของน้ำหนักที่มีลักษณะคล้ายกันกับการศึกษาวิจัย Look AHEAD ในระยะเวลาที่สั้นกว่า รูปที่ 3 แสดงการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวหลัง 12 สัปดาห์ในกลุ่มการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด เมื่อเทียบกับ HbA1C ที่ระดับพื้นฐาน9 ดังนี้
ดังที่แสดงในรูปที่ 3 ผู้เข้าร่วมการวิจัยในโปรแกรม Why WAIT ถูกแบ่งชั้นออกเป็นสามกลุ่มตามระดับ HbA1C พื้นฐาน9 ดังนี้
ดังที่แสดงในรูปที่ 4 ผู้เข้าร่วมการวิจัยในกลุ่มการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด มีการลดลงของ HbA1C (-0.36%) มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มการสนับสนุนและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน (0.09%)7
การลดลงของ HbA1C ยังคงมีนัยสําคัญ8
การวิจัยพบว่า HbA1C ลดลงได้สูงสุดถึง 2.5% โดยผู้ที่มีระดับ HbA1C ที่ระดับพื้นฐานสูงจะมีการลดลงที่มากกว่า รูปที่ 5 แสดงการเปลี่ยนแปลงของ HbA1C หลังการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างเข้มงวด 12 สัปดาห์ เทียบกับ HbA1C ที่ระดับพื้นฐาน9 ดังนี้
ผู้เข้าร่วมการวิจัยในกลุ่มการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างเข้มงวด (ILI) มีความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวดีขึ้น (-5.3 มิลลิเมตรปรอท), ค่า HDL-C ดีขึ้น (+3.7 มิลลิกรัม/เดซิลิตร) และค่าไตรกลีเซอไรด์ลดลง (-25.6 มิลลิกรัม/เดซิลิตร) เมื่อเทียบกับกลุ่มการสนับสนุนและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน (DSE)7 รูปที่ 6 แสดงการเปลี่ยนแปลงของคอเลสเตอรอลชนิด HDL ดังนี้
สามารถคงค่าต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ได้ด้วยการสนับสนุนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างต่อเนื่อง8
การวิจัยนี้ได้แสดงให้เห็นว่า คอเลสเตอรอลรวม ไตรกลีเซอไรด์ และความดันโลหิตลดลงอย่างมีนัยสําคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้เข้าร่วมการวิจัยที่มี HbA1C ที่ระดับพื้นฐานสูงกว่า9
ในการวิจัย Look AHEAD ผู้เข้าร่วมการวิจัยในกลุ่มการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด รายงานว่าพวกเขาสามารถปฏิบัติตามพฤติกรรมควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น รวมถึง
ผู้ที่ยังคงสามารถลดน้ำหนักตัวลงได้ ≥10% ในปีที่ 8 แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในพฤติกรรมเหล่านี้สูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น8
เมื่อผู้ป่วยถามว่า “โรคเบาหวานสามารถรักษาได้ด้วยการออกกําลังหรือไม่” แพทย์สามารถเน้นย้ำถึงความสําคัญของการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างมีแบบแผนซึ่งมีหลักฐานประจักษ์ ที่ประกอบด้วยการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักและการออกกําลังกายสำหรับโรคเบาหวาน ผลการวิจัย Look AHEAD และ Why Wait แสดงให้เห็นว่า การรักษาด้วยการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างเข้มงวด สามารถทำให้การทำงานของระบบเมแทบอลิซึมของผู้ป่วยโรคเบาหวานดีขึ้นได้อย่างมีนัยสําคัญ9
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำเพื่อควบคุมโรคเบาหวานชนิดที่ 2
คลิกที่นี่
การให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานร่วมกับการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างเข้มงวด ส่งผลต่อผลลัพธ์ของผู้ป่วยโรคเบาหวานในสถานการณ์จริงอย่างไร ปัจจุบันมีหลักฐานชัดเจนที่สนับสนุนการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างเข้มงวด ซึ่งรวมถึงอาหารลดน้ำหนักและการออกกําลังกายสําหรับโรคเบาหวาน เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการศึกษาวิจัย Look AHEAD (Action for Health in Diabetes) และโปรแกรม Why WAIT (Weight Achievement and Intensive Treatment) ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินชีวิตอย่างมีแบบแผนในการรักษาโรคเบาหวาน
คุณสามารถแชร์ เนื้อหา นี้บนเครือข่ายโซเชียลที่คุณชื่นชอบได้
เข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกเพื่อเข้าถึงเนื้อหาพิเศษทั้งหมด
Login or register and you will be able to favorite articles, videos and many exclusive contents by saving the list in รายการโปรดของฉัน